Translation:Computer Crimes Act 2007/2007-07-17
Table of contents
[edit]Statute
[edit]Introductory text
[edit]พระราชบัญญัติ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้ |
Computer Crimes Bhumibol Adulyadej R. The Sacred Feet of His Majesty the Grand Bhumibol Adulyadej, the Great Sacred Indra, showing mercy upon all heads, made a great sacred royal command that the following proclamation be issued: Whereas it is desirable to have a law on computer crimes; Now, therefore, His Majesty, expressing his sacred kindness through mercy upon all heads, has a sacred royal statute established, by and with the advice and consent of the National Legislative Assembly, as follows: |
1
[edit]
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐" |
Section 1
This Act is called the Computer Crimes Act 2007.[1.1] |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Act on the Commission of Offences Concerning Computer, 2550 BE'.
2
[edit]
มาตรา ๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[2.i] |
Section 2
This Act shall come into force upon elapse of the period of thirty days reckoned from the date of its publication in the Government Gazette.[2.a] |
- Original notes
|
|
3
[edit]
มาตรา ๓
ในพระราชบัญญัตินี้ "ระบบคอมพิวเตอร์" หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงาน ให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ "ข้อมูลคอมพิวเตอร์" หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึง ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย "ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์" หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น "ผู้ให้บริการ" หมายความว่า
"ผู้ใช้บริการ" หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการ ไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ |
Section 3
In this Act:
|
4
[edit]
มาตรา ๔
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้ |
Section 4
|
- Wikisource notes
- ↑ The Ministry of Information and Communication Technology has been dissolved and replaced by the Ministry of Digital Economy and Society by virtue of the Ministries, Bureaus, and Department Restructuring Act (No. 17) 2016 (published in Government Gazette: Volume 133/Part 80 A/Page 1/15 September 2016; coming into force: 16 September 2016).
Chapter 1
[edit]
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ |
Chapter 1
Computer crimes[c1.1] |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Offences concerning computer'.
5
[edit]
มาตรา ๕
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 5
Any person who wrongfully accesses a computer system the access to which is prevented by a specific measure not intended for him[5.1] shall be liable to imprisonment for not more than six months, or a fine of not exceeding ten thousand baht, or both. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Any person enters without rightfulness a computer system which possesses a specific entrance prevention measure and such measure is not possessed for him'.
6
[edit]
มาตรา ๖
ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 6
Any person who obtains the knowledge about a measure for prevention of access to a computer system specifically set up by another person shall, if he wrongfully discloses such measure in a manner likely to expose another person to injury, be liable to imprisonment for not more than one year, or a fine of not exceeding twenty thousand baht, or both. |
7
[edit]
มาตรา ๗
ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 7
Any person who wrongfully accesses computer data the access to which is prevented by a specific measure not intended for him[7.1] shall be liable to imprisonment for not more than two years, or a fine of not exceeding forty thousand baht, or both. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Any person enters without rightfulness computer data which possesses a specific entrance prevention measure and such measure is not possessed for him'.
8
[edit]
มาตรา ๘
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 8
When any person, wrongfully and by electronic means, commits whatever act to intercept computer data of another person which is in the course of being transmitted within a computer system and is not intended for the public interest or for use by the general public, the person shall be liable[8.1] to imprisonment for not more than three years, or a fine of not exceeding sixty thousand baht, or both. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Any person acts in any manner, without rightfulness, by electronic means, to trap and receive computer data of another person which is in the course of an act of sending in a computer system, and that computer data is not possessed for the public interest or for general persons to make use, shall be'.
9
[edit]
มาตรา ๙
ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 9
Any person who wrongfully damages, destroys, modifies, alters, or makes supplements to computer data of another person, either in whole or in part, shall be liable to imprisonment for not more than five years, or a fine of not exceeding one hundred thousand baht, or both. |
10
[edit]
มาตรา ๑๐
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 10
Any person who wrongfully commits whatever act to cause the functioning of a computer system of another person to be suspended, delayed, obstructed, or disrupted until it is unable to function as normal, shall be liable to imprisonment for not more than five years, or a fine of not exceeding one hundred thousand baht, or both. |
11
[edit]
มาตรา ๑๑
ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท |
Section 11
Any person who sends computer data or electronic mail to another person by concealing or falsifying the source from which the said data is sent, and thereby disrupts another person's normal and peaceful use of a computer system,[11.1] shall be liable to a fine of not exceeding one hundred thousand baht. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Any person sends computer data or electronic letter to another person by concealing or forging the source of the sending of the said data, which is an act of disrupting another person's act of using a computer system with normalcy and peace'.
12
[edit]
มาตรา ๑๒
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี |
Section 12
|
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'whether that injury would occur suddenly or at a later time, and whether it would occur at the same time [as the crime?] or not'.
- ↑ Literally 'is the commission in a manner that is likely'.
- ↑ Literally 'is the commission [of the crime] to'.
13
[edit]
มาตรา ๑๓
ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 13
Any person who disposes of or publishes a specifically created program so that it be used as an instrument to commit the crime under section 5, section 6, section 7, section 8, section 9, section 10, or section 11, shall be liable to imprisonment for not more than one year, or a fine of not exceeding twenty thousand baht, or both. |
14
[edit]
มาตรา ๑๔
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
|
Section 14
Any person who commits any of the following crimes shall be liable to imprisonment for not more than five years, or a fine of not exceeding one hundred thousand baht, or both:
|
- Wikisource notes
- ↑ 'ลามก' (lāmok) means 'filthy', 'immoral', 'lewd', or 'low'. In general, it is synonymous with the other two terms used in the Penal Code: 'ลามกอนาจาร' (lāmok‘anāčhān) and 'อนาจาร' (‘anāčhān). But the three are translated differently (lāmok as 'vulgar', lāmok‘anāčhān as 'obscene', and ‘anāčhān as 'indecent') just for the sake of distinction and because they might have different meanings in legal context (though there has been no judicial decision about their difference yet).
15
[edit]
มาตรา ๑๕
ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ |
Section 15
Any service provider who wilfully[15.1] aids or consents to the commission[15.2] of any of the crimes under section 14 within a computer system under his control shall be liable to the same punishment as the criminal under section 14. |
- Wikisource notes
- ↑ In general, 'จงใจ' and 'เจตนา', both used in the Penal Code, are synonymous, meaning 'intentionally'. But the former is translated as 'wilfully' and the latter, as 'intentionally', just for the sake of distinction and because they might have different meanings in legal context (though there has been no judicial decision about their difference yet).
- ↑ The Thai sentence can also be separated as 'ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจ, สนับสนุน, หรือยินยอมให้มีการกระทำ...', which can be translated as 'Any service provider who wilfully causes, aids, or consents to the commission...'.
16
[edit]
มาตรา ๑๖
ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่งเป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหาย ร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่า เป็นผู้เสียหาย |
Section 16
|
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'Any person brings into a computer system that the general people may enter and reach, computer system that appears as an image of [an]other person, and that image is an image that comes into existence from an act of creating, editing, adding, or modifying by electronic method or by any other method; prescribed, however, that [the act of bringing is done] in a manner that is likely to make that other person lose reputation, be insulted, be hated, or receive shame'.
- ↑ Literally 'If the act according to paragraph 1 is an act of bringing computer data in[to a computer system] with good mind[/in good faith], the person acting does not have wrongfulness.'
17
[edit]
มาตรา ๑๗
ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักร และ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร |
Section 17
When any person committed any of the crimes under this Act outside the Kingdom, and:
then he shall receive his punishment within the Kingdom. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'that crime committing person is a Thai person, and the government of the country where the crime occurred or the person injured has requested [that we] inflict a punishment [on him]'.
Chapter 2
[edit]
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่ |
Chapter 2
Competent authorities |
18
[edit]
มาตรา ๑๘
ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
|
Section 18
Subject to seciton 19, competent authorities shall, for the purpose of investigation and inquiry when arises a reasonable belief that there is the commission of a crime under this Act,[18.1] be invested with one of the following powers to the extent necessary for the production of evidence concerning the commission of the crime and for the identification of the person of the criminal:[18.2]
|
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'in case there is a cause by which it should be believed that there is the commission of a crime according to this Act'.
- ↑ Literally 'necessary for the purpose in the use as evidence concerning the commission of the crime and [in] finding the person of the crime-committing individual'.
19
[edit]
มาตรา ๑๙
การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่า บุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วย ในการพิจารณาคำร้อง ให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็ว เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐาน การทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้า ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง |
Section 19
|
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'The exercise of the powers of competent authorities according to section 18 (4), (5), (6), (7), and (8), a competent authority shall file an application to a court that has jurisdiction so that [it] issues an order permitting the competent authority to carry out the activities according to the application; provided that the application must specify the causes by which it should be believed that any person commits or is to commit any particular act which is a crime according to this Act, the reasons for which the power(s) must be exercised, the characteristics of the commission of the crime, the details about the equipment that is used in the commission of the crime and [about] the person committing the crime, as much as [he] could specify, as supplementaries to the application also. In considering the application, the court shall consider the said application with quickness.'
- ↑ Literally 'the competent authority who is the head in the carrying out'.
20
[edit]
มาตรา ๒๐
ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กำหนดไว้ในภาคสอง ลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่ โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี อาจยื่นคำร้องพร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้ |
Section 20
|
21
[edit]
มาตรา ๒๑
ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลาย หรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ ตามวรรคหนึ่ง หมายถึง ชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือชุดคำสั่งอื่น เกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา |
Section 21
|
22
[edit]
มาตรา ๒๒
ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 22
|
23
[edit]
มาตรา ๒๓
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 23
Any competent authority who acts negligently and thereby causes another person to obtain the knowledge about computer data, computer traffic data, or service receiver data acquired under section 18 shall be liable to imprisonment for not more than one year, or a fine of not exceeding twenty thousand baht, or both. |
24
[edit]
มาตรา ๒๔
ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
Section 24
Any person who obtains the knowledge about computer data, computer traffic data, or service receiver data which a competent authority has acquired under section 18 and discloses such data to any particular person shall be liable to imprisonment for not more than two years, or a fine of not exceeding forty thousand baht, or both. |
25
[edit]
มาตรา ๒๕
ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น |
Section 25
Data, computer data, or computer traffic data which a competent authority has acquired in line with this Act can be cited and admitted as evidence in pursuance of the provisions of the Criminal Procedure Code or other laws governing the taking of evidence, but it must not be one that has been brought into existence through[25.1] inducement, promise, threat, deceit, or other wrongful means. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'but it must be the kind that does not come into existence from'.
26
[edit]
มาตรา ๒๖
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวันแต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการ และต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท |
Section 26
|
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'The provision of paragraph 1 will apply to what types of service providers, how, and when, shall be as published in the Government Gazette by the Minister.'
27
[edit]
มาตรา ๒๗
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง |
Section 27
Any person who fails to observe an order issued by a court or competent authority by virtue of of section 18 or section 20 or fails to observe a court order under section 21 shall be liable to a fine of not exceeding two hundred thousand baht and also to a day-fine of not more than five thousand baht per day until the order is correctly observed. |
28
[edit]
มาตรา ๒๘
การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด |
Section 28
As regards competent authorities under this Act, the Minister shall appoint them from amongst[28.1] the persons having knowledge and proficiency concerning computer systems and possessing qualifications as prescribed by the Minister. |
- Wikisource notes
- ↑ Literally 'The appointment of competent authorities according to this Act, the Minister shall appoint from'.
29
[edit]
มาตรา ๒๙
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน เฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวน และดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรี มีอำนาจร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง |
Section 29
|
30
[edit]
มาตรา ๓๐
ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา |
Section 30
|
Countersignature
[edit]
|
|
Statement of grounds
[edit]
หมายเหตุ
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญของการประกอบกิจการและการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่นในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ |
Statement of grounds
The grounds for promulgation of this Act are as follows: Now, computer systems have played significant parts in business and subsistence of human beings. Should there be anyone carrying out whatever act to cause a computer system to fail to function in line with given directions or to function erroneously against the given directions, or wrongfully employing whatever method to obtain knowledge about, modify, or destroy another person's data in a computer system, or using a computer system to publish false or indecent computer data, then damage would ensue, affecting the economy, society, and security of the State, as well as public peace and good morals. It is expedient to determine measures for prevention and suppression of the described acts. It is therefore necessary to enact this Act. |
Licences
[edit]This work is a translation and has a separate copyright status to the applicable copyright protections of the original content.
Original: |
This work is in the public domain worldwide because it originated in Thailand and is a work under Template error: please specify the type of this work (see template documentation) of Thailand's Copyright Act, 2537 BE (1994) (WIPO translation), which provides:
Public domainPublic domainfalsefalse |
---|---|
Translation: |
Released into public domain I agree to release my text and image contributions, unless otherwise stated, into the public domain. Please be aware that other contributors might not do the same, so if you want to use my contributions under public domain terms, please check the multi-licensing guide.
Public domainPublic domainfalsefalse |